วันเสาร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2557

การปราบวัชพืช

การปราบวัชพืช

ต้นยางอ่อนที่ปลูกในสวนจะเจริญได้รวดเร็วเต็มที่ จะต้องไม่มีพืชอื่นมารบกวนหรือแย่งอาหาร ฉะนั้น จะต้องระวังรักษาอย่าให้วัชพืช หรือพืชคลุมขึ้นรบกวนต้นยางในรัศมีอย่างน้อย ๑ เมตรจากโคนต้นยางเป็นอันขาด การบำรุงรักษาต้นยางจะได้ผลดียิ่งขึ้น ถ้าปราบวัชพืชที่ไม่เกิดประโยชน์ใด ๆ ในสวนนั้นออกเสียให้หมด เช่น หญ้าคา ซึ่งนับว่าเป็นศัตรูสำคัญสำหรับต้นยางและพืชทุกชนิด จะต้องกำจัดให้หมดสิ้นไป ส่วนวัชพืชอื่น ถ้าไม่สามารถกำจัดให้หมดไปได้จะต้องหวดด้วยมีดหวดให้ต่ำอยู่เสมอ อย่าให้สูงจากพื้นดินเกินกว่า ๕๐ เซนติเมตร วิธีที่ดีที่สุด ควรปราบวัชพืชทุกชนิดเสียให้หมด ถ้าใช้ยากำจัดวัชพืช วัชพืชจะไม่ขึ้นไปหลายเดือน เป็นวิธีปราบที่ถูกกว่าค่าจ้างแรงงานมาก แล้วปลูกพืชคลุมตระกูลถั่วลงแทน คือ ต้นถั่ว เซ็นโทรซิมา เปอลาเรียและคาโลโปโกเนียม ฯลฯ ซึ่งเป็นไม้เลื้อยคลุมดินไว้ พืชคลุมดังกล่าวนี้ จะช่วยคลุมดิน รักษาความชื้นไว้ และตัวมันเองยังสามารถเพิ่มอาหารธาตุต่าง ๆ ให้ด้วย หญ้าและวัชพืชที่พยายามจะงอกหรือแทงยอดขึ้นมา จะถูกพืชคลุมตระกูลถั่ว ดังกล่าวนี้พันฉุดลงมาเจริญงอกงามต่อไปไม่ได้ เนื่องจากพืชคลุม ๓ ชนิดข้างต้นมีอายุไม่เท่ากัน ความเจริญเติบโตก็ไม่เท่ากัน ควรจะใช้ปลูกให้ขึ้นปนกันไป จะได้ช่วยซึ่งกันและกัน ช่วยให้อายุยาวออกไปอีก ส่วนผสมถ้ามีทั้ง ๓ อย่างหรือมีเพียง ๒ อย่างควรใช้ดังนี้

ชนิดพืชคลุมวัชพืช
อัตราส่วนผสม
แบบที่ ๑
แบบที่ ๒
แบบที่ ๓
เซ็นโทรซิมา
เปอลาเรีย
คาโลโปโกเนียม
๔ ส่วน
๑ ส่วน
๕ ส่วน
๑ ส่วน
-
๑ ส่วน
๔ ส่วน
๑ ส่วน
-

การหาแบบบ้านให้ตรงใจ

แบบบ้าน 1. การหาแบบบ้านที่ตรงใจ การหาแบบบ้าน อาจจะ หาตามเงื่อนไข งบประมาณก่อสร้างตามจำนวนขอคนอยู่อาศัย ตามรูปแบบของบ้าน ว่าจะเป็นบ้านชั้นเดียว บ้านชั้นครึ่ง หรือบ้านสองชั้น (ปัจจุบันเนื่องจากราคาที่ดินสูงขึ้นเรื่อย จึงมีคนหันไปทำบ้าน 3 ชั้นกันมากขั้นซึ่งมีข้อดีในเรื่องขนาดที่ดินที่ใช้แต่อาจมีปัญหาเรื่องความไม่สะดวกในการ
ขึ้นลงบ้าน ... อ่านต่อเรื่องการหาแบบบ้าน
การยื่นกู้สร้างบ้าน 2. การหางบประมาณเพื่อการสร้างบ้าน
เมื่อได้แบบที่ถูกใจแล้วขั้นตอนต่อไปท่านจะต้องเตรียมกำลังเงินแล้วหละครับ การหางบประมาณสร้าง
บ้านหลายท่านที่มีเงินงบประมาณอยู่แล้ว ก็เตรียมสร้างได้เลย ส่วนท่านที่มีงบประมาณน้อย คงต้องใช้วิธีการกู้ยืมจาก
สถาบันทางการเงินต่างๆแหละครับ (อันนี้ เป็นเรื่องปกติของมนุษย์เงินเดือนอยู่แล้วที่ต้องมีการกู้เพราะ บ้านเป็นล้านแต่เงินเดือนเป็นหมื่นนะครับ) ขั้นตอนการจัดเตรียม เอกสารต่างๆ เพื่อขอยื่นกู้กับสถาบันทางการเงิน ก็สามารถอ่านละเอียดได้ที่นี่ครับ การกู้เงินซื้อบ้าน การกู้เงินสร้างบ้าน
การสร้างบ้าน 3. การหาผู้รับเหมาสร้างบ้าน เมื่อได้แบบ และเงินกู้ผ่าน ขั้นตอนต่อไปก็คือการหาผู้รับเหมาก่อสร้างบ้านนั่นเองครับ ผู้รับเหมาถ้าเปิดใน
google ก็คงมีอยู่เต็มไปหมดให้ท่านได้เลือก แต่ก็นั่นแหละครับ เราจะมีวิธีการเลือกผู้รับเหมาอย่างไร ไม่ให้โดนหลอก
ไม่ให้โดนโกง มีฝีมือในการสร้าง และมีราคาค่าก่อสร้างไม่สูงจนเกินไป การว่าจ้างผู้รับเหมานั้นอาจจะจ้างเฉพาะส่วน
ของค่าแรงเพียงอย่างเดียว หรือจ้างทั้งค่าแรงทั้งค่าของ ซึ่งสองวิธีนั้นก็จะมีข้อดีข้อเสียต่างกันนะครับ .
อ่านการว่าจ้างผู้รับเหมาสร้างบ้านต่อ....
ขออนุญาตก่อสร้างบ้าน 4. การขออนุญาตสร้างบ้าน เมื่อตกลงแบบบ้านลงตัว และตกลงเรื่องราคากันลงตัวเรียบร้อยตอนนี้ก็คงเป็นเรื่องการนำแบบไปขออนุญาต
สร้างบ้านเสียทีครับ โดยมีวิธีการหลักๆคล้ายๆกันแต่อาจจะแตกต่างกันไปเล็กๆน้อยๆ ตามแต่รูปแบบพื้นที่ที่ท่าน
จะไปสร้างนั้นมีรูปแบบการบริหารแบบไหน เช่น เป็นองค์การบริหารส่วนตำบล หรือเป็นเขตเทศบาล อันนี้ก็จะมี
กฏระเบียบต่างกันนิดนึงครับ อ่านการขออนุญาตสร้างบ้านต่อ
การดูแลการสร้าง 4. การควบคุมดูแลระหว่างการก่อสร้าง ช่วงระหว่างการก่อสร้างบ้านของท่าน การดูแลเอาใจใส่ ในขั้นตอนหรือ กระบวนการก่อสร้างเป็นสิ่งที่สำคัญ และจำเป็นมากๆครับ เพราะถึงแม้ผู้รับเหมา หรือบริษัท ที่ท่านเลือก อาจจะมีประวัติผลงานที่ดี มีประสบการณ์การก่อสร้าง มาอย่างยาวนานก็ ไม่อาจจะไว้ใจได้ทั้งหดเสียทีเดียว เพราะยังไงๆ มันก็ไม่ใช่บ้านเค้าอยู่ดี ไอ้เรื่องทีจะมาดูแลเอาใจใส่เท่าเจ้าของบ้านคงไม่มีหรอกครับ ดังนั้นตอนนี้ จะเป็นเรื่องรายละเอียดเกี่ยวกับการควบคุมดูแลการก่อสร้างด้วยตัวของท่านเองหนะครับ อ่านต่อ
การตรวจรับบ้าน 4. การตรวจรับบ้าน ขั้นตอนสุดท้ายของการสร้างบ้าน ก็คือการตรวจรับบ้านโดยขั้นตอนนี้คงจะเป็นขั้นตอน ที่ค่อนข้างต้องใช้ความ ละเอียดรอบคอบในการพิจารณา เนื่องจากหากขั้นตอนนี้เจ้าของบ้านขาดการเตรียมข้อมูลมาอย่างดีแล้ว ท่านจะได้ อยู่บ้านที่ เต็มไปด้วยปัญหานานับประการเลยทีเดียวครับ และช่วงเวลานี้ผู้รับเหมาก็กำลัง รอลุ้นอยู่ว่าท่านจะ เซ็นต์รับ บ้านที่สร้างเสร็จนี้หรือไม่ เพราะหมายถึง เงินค่าจ้างงวดสุดท้ายของผู้รับเหมา ที่จะได้รับนั่นเอง ขั้นตอนการตรวจรับบ้าน นั้น ขอให้ท่านศึกษาได้จาก เอกสารฉบับนี้ ซึ่งแต่งโดย คุณ วิญญู วินิชศิริโรจน์ ก็ขออนุญาตนำ มาเผยแพร่ ให้ท่านกันครับซึ่งมีประโยชน์มากสำหรับท่านที่กำลัง ศึกษาวิธีการตรวจรับบ้าน ทั้งบ้านที่ท่านปลูกสร้าง บนที่ดินของตนเอง และบ้านที่สร้างในโครงการต่างๆ--> อ่านคู่มือการตรวจรับบ้านที่นี่

การปลูกดอกกุหลาบ

การปลูกกุหลาบ

การขยายพันธ์
การขยายพันธุ์กุหลาบที่นิยมใช้มี 3 วิธี คือ
1. การตัดชำ
วิธีการตัดชำที่นิยมทำอยู่ทั่วไปคือ เลือกกิ่งกุหลาบที่ไม่แก่และไม่อ่อน จนเกินไปนำมาตัดเป็นท่อนประมาณ 12-15 เซนติเมตร หรือ 1 คืบ รอยตัดต้อง อยู่ใต้ข้อพอดีแล้วตัดใบตรงโคนกิ่งออก จากนั้นเฉือนโคนทิ้ง แล้วจุ่มโคนกิ่งตัดชำนี้ ในฮอร์โมนเร่งราก เซ่น เซอราดิกส์ เบอร์ 2 (เพื่อช่วยเร่งให้ออกรากเร็วขึ้น) แล้วผึ่ง ให้แห้งนำไปปักชำในแปลงพ่นหมอกกลางแจ้ง ถ้าไม่มีแปลงพ่นหมอกก็ใช้เครื่องพ่นน้ำรดสนามหญ้าก็ได้แล้วให้น้ำเป็นระยะ ๆ ตามความจำเป็น โดยมีหลักว่าอย่า ให้ใบกุหลาบแห้ง กิ่งกุหลาบจะออกรากใน 12-15 วัน แล้วแต่พันธุ์ การชำกิ่งนี้ นิยมทำกันมากในปัจจุบันเพราะได้จำนวนต้นมากในระยะเวลาสั้นเสียค่าใช้จ่าย น้อยแต่กิ่งชำนี้เมื่อนำไปปลูกต้นจะโทรมเร็วภายใน 3- 4 ปี ซึ่งกุหลาบพันธุ์สีเหลือง และสีขาวมักจะออกรากยาก
ตัดกิ่งกุหลาบเป็นท่อนประมาณ 12-15 ซม.เฉือนโคนกิ่งทิ้ง

จุ่มโคนกิ่งตัดชำในฮอร์โมนเร่งราก

2. การตอน
กิ่งที่ใช้ตอนมักมาจากกิ่งที่มีสภาพแตกต่างกันทั้งกิ่งอ่อนและกิ่งแก่ คละกันไปทำให้การเจริญเติบโตของต้นกุหลาบหลังลงแปลงปลูกในแปลงไม่สม่ำเสมอ ซึ่งการตอนนี้จะใช้เวลาในการเกิดรากนานประมาณ 4-7 สัปดาห์ ทั้งนี้ แล้วแต่ พันธุ์ที่จะใช้ตอน
3. การติดตา
วิธีการทำต้นกุหลาบติดตานี้ค่อนข้างยุ่งยากและต้องใช้เวลาในการทำ นานกว่า 2 วิธีแรกคือ ตั้งแต่เริ่มตัดชำต้นตอป่าจนถึงพันธุ์ดีทีนำไปติดนั้นออก ดอกแรกจะใช้เวลาประมาณ 5-6 เดือน โดยในขั้นแรกจะต้องตัดชำต้นตอป่า(ของกุหลาบป่า) ให้ออกรากและเลี้ยงต้นตอป่านั้นให้แตกยอดใหม่ยาวเกิน 1 ฟุต ขึ้นไป ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือน (หลังตัดชำและออกราก) จากนั้นจึงนำ ตาพันธุ์ดีที่ต้องการไปติดตาที่บริเวณโคนของต้นตอป่า การติดตานี้จะต้องอาศัย ฝีมือและความชำนาญพอสมควรโดยจะใช้วิการติดตาแบบใดก็ได้ เช่น แบบตัวที เป็นต้น
วิธีติดตา วิธีติดตากุหลาบที่ได้ผลดีคือการติดตาแบบที่เรียกว่ารูปตัวที หรือ แบบโล่ มีวิธีทำดังนี้คือ
1. เลือกบริเวณที่จะติดตา ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะพยายามติดตาให้ต่ำที่สุด เท่าที่จะทำได้คือ ประมาณไม่เกิน 3 นิ้ว นับจากผิวดิน แล้วใช้กรรไกรหรือมีด ตัดหนามตรงบริเวณที่จะติดตาออกโดยรอบกิ่ง
2. ใช้ปลายมีดกรีดที่เปลือกเป็นรูปตัวที แล้วเผยอเปลือกตรงรอยกรีด ด้านบนให้เปิดออกเล็กน้อย
3. เฉือนตาเป็นรูปโล่ ให้ได้แผ่นตำยาวประมาณ 1 นิ้ว และให้แผ่นตานั้น มีเนื้อไม้ติดมาด้วยเพียงบางๆ ไม่ต้องแกะเนื้อไม้ติดมามาก ให้ลอกเนื้อไม้ออกอย่าง ระมัดระวังอย่าให้แผ่นตาโค้งงอหรือบอบช้ำ
4. นำแผ่นตาไปเสียบลงที่รอยกรีดของต้นตออย่างระมัดระวังอย่าให้แผ่นตาช้ำ โดยใช้มือซ้ายจับแผ่นตา (ตรงก้านใบ) ค่อย ๆ กดลงไปขณะเดียวกันมือขวา ก็ค่อยเปิดเปลือกช่วย แล้วพันด้วยพลาสติก
เพื่อให้ตาเจริญเติบโตเร็วขึ้น ควรปล่อยให้กิ่งใหม่เจริญเติบโตจนกระทั่ง กิ่งใหม่ยาวพอสมควรแล้วจึงตัดต้นตอที่อยู่เหนือกิ่งใหม่ออกทั้งหมด สำหรับ พลาสติก ที่ติดตาอยู่นั้นอาจจะปล่อยให้ผุหรือหลุดไปเองก็ได้ถ้าเห็นว่าแผ่นพลาสติกนั้นรัด ต้นเดิมแน่นเกินไปหรือไปขัดขวางการเจริญเติบโตของกิ่งใหม่ก็ให้แกะออก
ส่าหรับกิ่งที่แตกออกมาใหม่นี้ ควรมีไม้ผูกพยุงกิ่งไว้เสมอเพราะอาจจะ เกิดการฉีกขาดตรงรอยต่อได้ง่ายเนื่องจากรอยประสานยังไม่แข็งแรงนัก
ในกรณีที่การติดตานั้นไม่ได้ผล คือ แผ่นตาที่นำไปติดตานั้นเปลี่ยนเป็น สีน้ำตาลหรือสีดำให้รีบแกะแผ่นพลาสติกและแผ่นตานั้นออกแล้วติดตาใหม่ในด้าน ตรงข้ามกับของเดิม หากไม่ได้ผลอีกต้องเลี้ยงดูต้นตอนั้นจนกว่ารอยแผลจะเชื่อม ก้นดีแล้วจึงนำมาติดตาใหม่ได้
สำหรับการติดตาในกุหลาบแบบทรงต้นสูง (Standard) นั้นก็ทำเช่นเดียวกัน เพียงแต่ตำแหน่งที่ติดตาอยู่ในระดับสูงกว่าเท่านั้นเอง การติดตาจะติดที่ต้นตอหรือกิ่ง ขนาดใหญ่ที่แตกออกมาก็ได้

ประวัตจังหวัดศรีสะเกษ







                                                              ประวัติจังหวัดศรีสะเกษ



ศรีสะเกษ เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคอีสานตอนล่างที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน เคยเป็นชุมชนที่มีอารยธรรมรุ่งเรืองมานับพันปี นับตั้งแต่สมัยขอมเรืองอำนาจ และมีชนเผ่าต่างๆ อพยพมาตั้งรกรากในบริเวณนี้ ได้แก่ พวกส่วย ลาว เขมร และเยอ ศรีสะเกษเดิมเรียกกันว่า เมืองขุขันธ์ เมืองเก่าตั้งอยู่ที่บริเวณบ้านปราสาทสี่เหลี่ยมดงลำดวน ตำบลดวนใหญ่ อำเภอวังหินในปัจจุบัน ได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นเมืองเมื่อ พ.ศ. 2302 สมัยกรุงศรีอยุธยาโดยมีหลวงแก้วสุวรรณซึ่งได้รับบรรดาศักดิ์เป็นพระยาไกรภักดีเป็นเจ้าเมืองคนแรก ล่วงถึงรัชสมัยรัชการที่ 5 ได้ย้ายเมืองขุขันธ์มาอยู่ที่บ้านเมืองเก่า ตำบลเมืองเหนือ อำเภอเมืองศรีสะเกษในปัจจุบัน แต่ยังคงใช้ชื่อว่าเมืองขุขันธ์จนถึง พ.ศ. 2481 จึงเปลี่ยนเป็นจังหวัดศรีสะเกษตั้งแต่นั้นมา

วันจันทร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2557

ม้าก้านกล้วย

ม้าก้านกล้วย

           เป็นอีกหนึ่งการละเล่นที่แสดงถึงความมีภูมิปัญญาของคนไทยทีเดียว เพราะในสมัยก่อนแทบทุกบ้านจะปลูกต้นกล้วยไว้ทั้งนั้น ดังนั้น ต้นกล้วยจึงนำมาประยุกต์เป็นของเล่นให้เด็ก ๆ ได้อย่างดีทีเดียว โดยเฉพาะ ม้าก้านกล้วย ดูเหมือนจะถูกอกถูกใจเด็กชายวัยซนมากที่สุด เพราะเด็ก ๆ จะนำก้านกล้วยมาขี่เป็นม้า เพื่อแข่งขันกัน หรือทำเป็นดาบรบกันก็ได้

           วิธีทำม้าก้านกล้วย ก็ไม่ยาก เลือกตัดใบกล้วยออกมาแล้วเอามีดเลาะใบกล้วยออก แต่เหลือไว้ที่ปลายเล็กน้อยให้เป็นหางม้า เอามีดฝานแฉลบด้านข้างก้านกล้วยตรงโคนบาง ๆ เพื่อทำเป็นหูม้า แล้วหักก้านกล้วยตรงโคนหูม้าออก จากนั้นก็นำแขนงไม้ไผ่มาเสี้ยมปลายให้แหลม ความยาวประมาณคืบกว่า ๆ เสียบหัวม้าที่พับเอาไว้จนทะลุไปถึงก้าน เพื่อให้เป็นสายบังเหียนผูกปากกับคอม้านั่นเอง เสร็จแล้วก็นำเชือกกล้วยมาผูกด้านหัวม้าและหางม้า ทำเป็นสายสะพายบ่า แค่นี้ก็ได้ม้าก้านกล้วยไปสนุกกับเพื่อน ๆ แล้ว


 

มอญซ่อนผ้า

มอญซ่อนผ้า

           การ ละเล่นแสนสนุกที่ทำให้ผู้เล่นได้ลุ้นไปด้วย โดยใช้อุปกรณ์เพียงแค่ผ้าผืนเดียวเท่านั้น แล้วให้ผู้เล่นเสี่ยงทาย ใครแพ้คนนั้นต้องเป็น "มอญ" ส่วนคนอื่น ๆ มานั่งล้อมวง คนที่เป็น "มอญ" จะต้องถือผ้าไว้ในมือแล้วเดินวนอยู่นอกวง จากนั้นคนนั่งในวงจะร้องเพลงว่า "มอญซ่อนผ้า ตุ๊กตาอยู่ข้างหลัง ไว้โน่นไว้นี่ ฉันจะตีก้นเธอ"

           ระหว่างเพลงร้องอยู่ คนที่เป็น "มอญ" จะแอบทิ้งผ้าไว้ข้างหลังผู้เล่นคนใดคนหนึ่ง แต่เมื่อทิ้งผ้าแล้ว จะแกล้งทำเป็นยังไม่ทิ้ง โดยเดินวนไปอีก 1 รอบ หากผู้ที่ถูกทิ้งผ้าไม่รู้ตัว "มอญ" จะหยิบผ้ามาตีหลังผู้เล่นคนนั้น แล้วต้องกลายเป็น "มอญ" แทน แต่หากผู้เล่นรู้ตัวว่ามีผ้าอยู่ข้างหลัง ก็จะหยิบผ้ามาวิ่งไล่ตี "มอญ" รอบวง "มอญ" ต้องรีบกลับมานั่งแทนที่ผู้เล่นคนนั้น แล้วผู้ที่วิ่งไล่ต้องเปลี่ยนเป็น "มอญ" แทน

การก่ออิฐแบบต่างๆ

การก่ออิฐแบบต่างๆ

ก่อนก่ออิฐจะต้องมีเหล็กยื่นจากเสา เพื่อประสาน ผนังให้เชื่อมต่อกับเสาได้ดี อิฐที่นำมาก่อต้องทำให้อิ่มน้ำ ก่อน ให้เริ่มก่ออิฐจากตอนมุมเสาก่อน และต้องจับดิ่งตอน มุมไว้เสมอ รวมทั้งรักษาแนวก่อโดยขึงเอ็นไว้ การก่อผนัง สูงๆ ควรก่อไม่เกิน 1.20 เมตร ทิ้งผนังให้ปูนก่อแข็งตัว ก่อนแล้วจึงก่ออิฐต่อได้ เมื่อก่ออิฐถึงใต้ท้องคานให้เว้นระยะ 1 1/2-2 ซม. ก่อนฉาบผนังจะต้องอัดปูนทรายล่วงหน้าอย่าง น้อย 1 วัน โดยอัดทั้งสองข้างเพื่อป้องกันการแตกร้าว กรณี ที่ผนังก่ออิฐสูงเกิน 3 เมตร ต้องมีทับหลัง ค.ส.ล. แบ่งครึ่ง ความสูง และผนังอิฐที่กว้างเกิน 4 เมตร จะต้องมีเสาเอ็น ค.ส.ล. แบ่งครึ่งกำแพง
ก่ออิฐเต็มแผ่นก็คือการก่ออิฐที่วางแผ่นอิฐ (มอญ) ตามขวางของผนัง ทำให้ ผนังนั้นมีความหนามากกว่าปกติ เมื่อฉาบปูนแล้วผนังนั้นอาจจะหนาประมาณ ๑๕ - ๒๐ เซ็นติเมตร ส่วนก่ออิฐครึ่งแผ่นก็คือ ก่ออิฐที่วางแผ่นอิฐ (มอญ) ตามยาวของ ผนัง ทำให้ผนังนั้นมีความหนาเป็นปกติที่เราเห็นกันโดยทั่วไป คือ เมื่อฉาบปูนเสร็จ เรียบร้อยแล้ว จะหนาประมาณ ๑๐ เซ็นติเมตร